ในบทความนี้จะเป็นเนื้อหาการสร้างเว็บเพจด้วย CSS layout โดยจะมีขั้นตอนดังนี้
1.ออกแบบโครงสร้างหลักๆของหน้าเว็บเพจก่อน ดังรูปด้านล่าง
จากรูปจะเห็นว่าเราได้แบ่งส่วนต่างๆของหน้าเว็บเพจออกเป็น 4 ส่วนคือ
1.1.ส่วนแสดงสัญลักษณ์ของเว็บไซต์ ส่วนนี้เราจะให้แสดงรูปภาพและสัญลักษณ์ของเว็บไซต์
1.2.ส่วนแสดง Navigation ของเว็บไซต์ ส่วนนี้จะแสดงลิงค์ไปยังหน้าต่างของเว็บไซต์
1.3.ส่วนแสดงเนื้อหา จะแสดงเนื้อหาและรูปภาพ
1.4.ส่วนท้ายสุดของหน้า จะแสดงลิงค์ไปยังหน้าหลักๆของเว็บไซต์
การออกแบบโครงสร้างหลักของเว็บเพจนั้นมีความจำเป็นมาก เพราะหน้าเว็บเพจของเรามีค่ามาก การออกแบบตำแหน่งต่างของเว็บเพจไว้ก่อน จะทำให้การใช้พื้นที่ในหน้าเว็บเพจของเรามีประสิทธิภาพมากที่สุด
2.ออกแบบหน้าตาของเว็บเพจ
หลักจากที่เราได้โครงสร้างหลักๆของเว็บเพจแล้ว เราก็จะออกแบบหน้าตาของเว็บเพจกัน โดยใช้โปรแกรมกราฟิกต่างๆ เช่น Photoshop , Firework , Illustrator แล้วแต่ถนัด โดยในตัวอย่างจะออกแบบโดยใช้โปรแกรม Illustrator
หลังจากที่เราออกแบบเว็บเพจเรียบร้อยแล้ว ในบทต่อไปจะเริ่มสร้างเว็บเพจกัน
เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขี้น
คลิกที่นี่เพื่อดูตัวอย่างเว็บเพจที่เสร็จแล้ว
คลิกที่นี่เพื่อดาว์นโหลดตัวอย่างเว็บเพจที่เสร็จแล้ว
ads by google
วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555
การเพิ่ม NAVIGATION BAR
รายชื่อในส่วนบนของหน้า HTML ตั้งใจจะใช้เป็นเมนู navigation เวบไซด์หลายเวบมีการใช้เมนูวางเรียงไว้ด้านบนหรือไว้ด้านข้างของ หน้าและหน้านี้ก็ควรมีเช่นกันซึ่งเราจะวางไว้ด้านซ้ายเนื่องจากดูแล้วน่าแล้วน่าสนใจกว่าวางไว้ด้านบน
เมนูดังกล่าวนี้มีอยู่ในหน้า HTML แล้วโดยใช้ <ul>แสดงรายการไว้ด้านบนลิงค์ยังไม่สามารถใช้ได้เนื่องเวบไซด์ของเราในขณะนี้มี เพียงหน้าเดียวแต่ในขณะนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญ แต่แน่นอนว่าสำหรับเวบไซด์จริงๆแล้วไม่ควรจะมีลิงค์ที่ใช้งานไม่ได้
ดังนั้นเราจะต้องย้ายรายชื่อลงมาอยู่ด้านซ้ายและย้ายข้อความที่เหลือทั้งหมดมาทางด้านขวาเล็กน้อยเพื่อให้มีพื้นที่ CSS property ที่เราใช้คือ 'padding-left' (สำหรับย้ายข้อความในส่วน body) และ 'position' 'left' และ 'top' (เพื่อย้ายเมนู)
ยังมีวิธีอื่นๆที่สามารถทำได้หากคุณดูในส่วน “column” หรือ “layout” ในหน้า Learning CSS (เรียนรู้ CSS)คุณจะเจอเทมเพลตที่ใช้ได้เลยหลายอันแต่ อันนี้ก็ใช้ได้เหมาะสมกับจุดประสงค์ของเรา
ในหน้าโปรแกรมแก้ไข ให้เพิ่มบรรทัดต่อไปนี้เขาไปในไฟล์ HTML
<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD HTML 4.01//EN"> <html> <head> <title>My first styled page</title> <style type="text/css"> body { padding-left: 11em; font-family: Georgia, "Times New Roman", Times, serif; color: purple; background-color: #d8da3d } ul.navbar { position: absolute; top: 2em; left: 1em; width: 9em } h1 { font-family: Helvetica, Geneva, Arial, SunSans-Regular, sans-serif } </style> </head> <body> [etc.]
หากคุณเซฟไฟล์อีกครั้งและ reload ในบราวเซอร์ทีนี้คุณก็จะได้รายชื่อลิงค์ที่อยู่ทางด้านซ้ายของข้อความหลัก ซึ่งตอนนี้หน้าเวบนี้ก็ ดูน่าสนใจขึ้น
ข้อความหลักย้ายไปอยู่ที่ด้านขวาและตอนนี้รายชื่อลิงค์ย้ายไปอยู่ที่ด้านซ้ายแล้วแทนที่จะอยู่ด้านบน
การใส่ 'position: absolute' เป็นการบอกว่า element ul ถูกวางไว้แยกออกจากข้อความที่มาก่อนหรือหลังภายในเอกสารและการใช้ 'left' และ 'top' ก็เพื่อแสดงให้รู้ว่าอยู่ในตำแหน่งใด ในกรณีนี้ คือ 2em จากด้านบนและ 1em จากด้านซ้ายของหน้าต่าง
'2em' หมายถึง 2 เท่าของขนาดฟอนท์ปัจจุบันเช่น ถ้าเมนูใช้ฟอนท์ขนาด 12 point ดังนั้น '2em' จะเท่ากับ 24 point 'em' เป็นหน่วย การวัดประเภทหนึ่งที่มีประโยชน์ในการใช้ CSS เนื่องจากสามารถนำมาใช้กับฟอนท์ที่ผู่อ่านมักจะใช้ได้โดยอัตโนมัติ บราวเซอร์ส่วนใหญ่ มีเมนูที่ไว้เพิ่มหรือลดขนาดของฟอนท์คุณจะเห็นได้ว่าขนาดของเมนูจะเพิ่มเมื่อขนาดของฟอนท์เพิ่มซึ่งจะไม่เป็นไปตามนั้นหากในกรณี ที่เราใช้หน่วยเป็นพิกเซลแทน
ป้ายกำกับ:
BAR,
CSS,
NAVIGATION
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)